Wednesday, October 1, 2014

ขจัดปัญหาเครื่องซักผ้าเสียงดัง มีน้ำรั่ว อย่างง่ายๆ ด้วยตนเอง

วันหยุดที่ผ่านมาก็ได้ฤกษ์งามยามดีที่จะจัดการเครื่องซักผ้าฝาหน้าประจำบ้าน ใช้มาร่วม 10 ปี ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีอาการรวน อยู่สองอย่าง อย่างแรก ทุกครั้งที่เครื่องถ่ายน้ำออก จะมีน้ำนองใต้เครื่องซะทุกครั้ง กลายเป็นเครื่องซักผ้าน้ำรั่ว ต้องมาคอยเช็ดน้ำที่นองออกมากัน ทำให้เปลืองแรง เสียอารมณ์คนซักมาก
อย่างที่สอง ตอนปั่นหมาด จะเกิดการสั่นอย่างรุนแรง ของที่วางบนฝาครื่องทุกอย่าง จะกระเด็นกระดอนตกลงมาหมด แล้วเครื่องซักผ้าเสียงดังมากๆ อีกด้วย
ว่างๆ แล้วก็เลยลองมาจัดการหาสาเหตุของปัญหาซะหน่อย ก็เปิดฝาหลังออก ด้านในก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก ดูไปดูมาปัญหาก็เกิดจากท่อยางระบายน้ำใต้ถังนั่นเอง ก็เลยเช็คจุดต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับท่อยางชุดนี้ ก็มีจุดเชื่อมอยู่ 3 จุด
จุดแรก เป็นท่อ pe เล็กโยงเข้ากล่องด้านบน
จุดสอง เป็นท่อย่น เชื่อมกับตะแกรงกรองก่อนปั้มน้ำออก
จุดสาม เป็นใต้ถังซัก
มีจุดเชื่อมแค่นี้ ก็ถอดได้เลย สองจุดแรก ก็มีห่วงบีบ ก็คลายออกปลดท่อออกได้
แต่ใต้เครื่อง ใช้หลักการของยางดูด ก็แค่ดึงแรงๆ ท่อยางก็จะหลุด

มองเข้าไปดูข้างใน ของท่อยางเส้นเดิม อ่ะจึ๋ย คราบต่างๆ เกาะซะเต็มท่อ เสร็จแล้วก็ไปหาซื้อท่อยางมาเปลี่ยนได้ ถ้าไม่ได้ใช้ของยี่ห้อเลิศหรู เฉพาะจริงๆ ก็คงหา part ได้ไม่ยาก อย่างของเราก็ไปซื้อได้ที่ อมร ความแตกต่างท่อยางของใหม่-ของเก่า หลักๆ เลยก็คงเป็นความนิ่ม ของเก่ายางมันค่อนข้างแข็ง น้ำเลยซึมผ่านจุดต่อออกมาได้

ได้ท่อใหม่มาแล้ว ก็ทำความสะอาด คราบเก่าๆ ที่ติดอยู่ตามปากขอบใต้ถังซัก ทั้งข้างใน-ข้างนอก ของเราเล่นซะหลายขนาน -น้ำยาล้างจาน, น้ายาทำความสะอาด, น้ำยาล้างคราบไขมันสำหรับล้างแอร์-- แต่คราบที่หนาๆ อาจต้องขูดออกก่อน ขูดออกได้เป็นแผ่นๆ เลยนิ
ตัวถังเป็นแสตนเลส ไม่มีปัญหา แต่พวกขายึด เป็นเหล็กแผ่นซะ สนิมเลยขึ้น ดังนั้น ถ้ามีปัญหาเครื่องซักผ้าน้ำรั่วอย่าปล่อยไว้นาน รีบแก้ไขซะ

หลังจากทำความสะอาดเสร็จ ก็เริ่มทำการใส่ท่อยางได้ ท่อยางตัวนี้ จะมีส่วนที่อยู่ข้างใน และข้างนอก ต้องให้แผ่นยางทั้งสองแผ่นประกบกับ ตัวถังซัก ดังนั้น อาจจะใส่ลำบากนิดนึง ยิ่งถ้ายกเครื่องซักผ้าสูงมากไม่ได้ด้วย
ก็ค่อยๆ ใส่แผ่นยางเข้าทีจนเข้าที่ ตัวท่อยางจะดูดกับตัวถังอย่างเหนียวเลย ขยับไม่ได้ ดังนั้น ก่อนใส่ก็เล็งทิศทางให้ดีก่อน การติดส่วนยากผ่านไป ต่อไปก็ใส่ท่อย่นระบายน้ำ กับท่อ pe ให้เหมือนเดิม

หลังจากเสร็จส่วนแรกไปแล้ว คราวนี้ เราก็มาหาสาเหตุที่ทำให้เครื่องสั่น เครื่องซักผ้าเสียงดังกันต่อแล้ว ก็ลองไล่ดูจากตัวถังซัก จะถูกยึดด้วยสปริงค์กับตัวถัง มีโช๊คอยู่ด้านล่าง มีมอเตอร์ปั่นอยู่ด้านล่างถังซัก มีปูนหล่อหนักๆ ถ่วงถังซักไม่ให้แกว่ง ดูไปดูมา ที่มอเตอร์ของเรามีที่ยึดน๊อต 4 จุด แต่ทำไมของเรายึดไว้แค่ 3 จุด เราก็จัดแจงไปหาน๊อตยาวมายึดเพิ่มอีกจุด ปัญหาทั้งสองก็หาสาเหตุเจอ แล้วก็แก้ไขแล้ว ก็เตรียมปิดฝาหลังคืนได้ ก็ยึดท่อน้ำทิ้งกลับที่ท่อน้ำออก เสร็จแล้ว ทดสอบการใช้งานซะเลย ระบบทำงานปกติ ไม่มีน้ำรั่ว เครื่องปั่นนิ่งสนิท
สรุป เครื่องซักผ้าเป็นเครื่องใช้ที่เสียค่อนข้างยาก และอะไหล่ก็ไม่ได้มีหลายชิ้นส่วนมาก ถ้าเกิดปัญหาลองตรวจสอบดูเองเสียก่อน ถ้าซ่อมได้เองแบบนี้ก็ซ่อมเองประหยัดเงินไปได้มากๆ เลย  แต่ถ้าเกินกำลังจะซ่อมเองค่อยเรียกช่างมาซ่อม

Wednesday, September 24, 2014

ปัญหาเรื่องตู้เย็น กับวิธีพร้อมรับมือเมื่อตู้เย็นมีปัญหา

ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สำคัญสำหรับทุกบ้านจริงๆ นะคะ ไว้แช่น้ำดื่ม ของสด กับข้าว ขนม ฯลฯ  หากเกิดตู้เย็นมีปัญหาขึ้นมาคงเกิดเรื่องไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อม  และของต่างๆที่แช่ไว้ในตู้เย็นอาจจะเสียได้ บางทีอาจจะต้องต้องซื้อตู้เย็นใหม่เลยก็ว่าได้ ซึ่งก็อาจจะต้องเสียเงินตามมา แต่ก่อนที่จะเสียเงินลองซ่อมเองแบบง่ายๆ ด้วยฉบับแม่บ้านที่เรานำมาแนะนำในวันนี้ค่ะ
- เปลี่ยนยางขอบประตูตู้เย็น
ก่อนอื่นให้ลองทดสอบสภาพการใช้งานของยางขอบประตูตู้เย็น โดยใช้กระดาษ หรือธนบัตรมาสอดเข้าไปตรงขอบประตูตู้เย็น หากกระดาษติดแน่นอยู่กับที่ ไม่เคลื่อนไปไหน ดึงออกก็ลำบาก แสดงว่ายางขอบประตูตู้เย็นไม่ใช่ปัญหา แต่ในกรณีที่ปิดประตูตู้เย็นแล้ว กระดาษร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลกอย่างง่ายดาย แบบนี้ต้องซื้อยางขอบประตูตู้เย็น ขนาดและรุ่นเดียวกับตู้เย็นของเรามาเปลี่ยนแล้วล่ะ เพราะยางขอบประตูตู้เย็นมีปัญหา เสื่อมสภาพแล้ว

วิธีทำก็ไม่ยากอย่างที่คิด เริ่มจากถอดปลั๊กตู้เย็นออกก่อน จากนั้นใช้ไขควงคลายตัวนอตตรงขอบประตูตู้เย็น เพื่อให้เราสามารถดึงยางขอบประตูตู้เย็นอันเก่าออกมาได้ จากนั้นก็สวมยางขอบประตูตู้เย็นอันใหม่เข้าไป ไขนอตกลับเข้าที่ ให้แน่นอย่างเดิม เท่านี้ก็เรียบร้อย

- ไขนอตให้แน่นทุกจุด
บางทีปัญหาประตูตู้เย็นปิดไม่สนิท ก็อาจจะมาจากอะไหล่ตรงส่วนนอตยึดประตูหลวม หรือประตูตกและหย่อน เนื่องมาจากการใส่ของตรงประตูตู้เย็นหนักเกินไปก็ได้ ดังนั้นลองใช้ไขควงหมุนเกลียวนอตบริเวณนั้นดู หากยางขอบประตูไม่บวม หรือเสื่อม เราจะสามารถไขน็อตยึดประตู (มักจะอยู่ขอบด้านล่างของตู้เย็น) ได้อย่างไม่ยากนัก

-เปลี่ยนตัวควบคุมอุณหภูมิตู้เย็น
สำหรับ ตู้เย็นที่มีปัญหาไม่ตัดไฟ แสดงว่าตัวควบคุมอุณหภูมิตู้เย็นอาจเสีย ซึ่งคุณสามารถหาซื้ออะไหล่ส่วนนี้ มาเปลี่ยนได้ง่าย ๆ เพียงแค่ขันนอตออก ย้ายตัวควบคุมอุณหภูมิตู้เย็นมีปัญหาอันเก่าออกไป แล้วเปลี่ยนใส่ตัวควบคุมอุณหภูมิตู้เย็นอันใหม่แทนเท่านั้นเองค่ะ หรือถ้าไม่ทราบว่าตัวควบคุมอุณหภูมิตู้เย็นอยู่ตรงไหนลองดูคู่มือของตู้เย็นประกอบไปด้วยได้ค่ะ

- ละลายน้ำแข็ง
อีกหนึ่งสาเหตุที่แม่บ้านหลายท่านละเลย เพราะมัวแต่ยุ่งกับการเข้าครัวและทำความสะอาดจนลืมกดละลายน้ำแข็งที่เกาะติดผนังตู้เย็นออกไป จนทำให้ตู้เย็นมีปัญหาต่าง ๆ ตามมา ดังนั้นพอรู้อย่างนี้แล้ว ก็ควรหมั่นดูแลตู้เย็นอยู่เสมอ เมื่อมีปริมาณน้ำแข็งเกาะตู้เย็นหนาแน่น ควรรีบกดปุ่มละลายน้ำแข็งทันที

หากเป็นปัญหาพื้นฐานอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ตู้เย็นพัง ๆ ของเราคงไม่ต้องถึงมือช่าง เพราะเราสามารถซ่อมบำรุงเขาด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ แต่ในกรณีที่ตู้เย็นมีปัญหาตรงส่วนมอเตอร์ ที่มีเกราะกำบังคลุมอยู่ อย่างนี้ควรยกหน้าที่ให้ช่างซ่อมที่ชำนาญการ แก้ไขปัญหาแทนเรานะคะ

Wednesday, September 17, 2014

วิธีแก้ปัญหาแอร์ห่วยเบื้องต้นได้เองง่ายๆ หรือจ้างช่างก็รู้ทันช่าง

ถ้าเกิดปัญหาแอร์ห่วย เกิดอาการผิดปกติขึ้นมา แล้วเรารู้ถึงสาเหตุการผิดปกติเหล่านั้นก่อน น่าจะทำให้รักษาแอร์ให้อยู่กับเราได้นานขึ้น ดังนั้นเราควรจะรู้วิธีในการสังเกต และแก้ไขปัญหาเหล่านั้นเบื้องต้นได้เอง โดยไม่ต้องง้อช่าง ท่านคงเคยพบความผิดปกติเกี่ยวกับการทำงานของแอร์บ้างใช่ไหมครับ บ้างเป็นอาการผิดปกติเพียงเล็กน้อยที่สามารถแก้ไขเองได้ บ้างก็อาจรุนแรงถึงขั้นต้องพบช่างผู้เชี่ยวชาญและเสียค่าใช้จ่ายมากมาย แต่บางครั้ง กว่าจะพบว่าอาการผิดปกตินั้นต้องการช่างผู้เชี่ยวชาญมาแก้ไข ท่านอาจปล่อยทิ้งไว้จนสายเกินแก้และต้องเสียเงินค่าซ่อมเพิ่มมากขึ้นก็ได้นะครับ
ฉะนั้น เรามาทำความรู้จักอาการผิดปกติต่างๆ และวิธีการปฏิบัติเพื่อแก้ไขกันแอร์ห่วยดีกว่า บางเรื่องอาจใกล้ตัวและแก้ไขได้อย่างง่ายอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะครับ
1. อาการ "เหงื่อตก..เพราะความเย็นตก"
ถ้าท่านมีอาการเหงื่อตก เพราะการทำความเย็นภายในห้องลดลง ลองเดินไปดูที่ "คอยล์เย็น" ส่วนของเครื่องปรับอากาศที่อยู่ภายในห้องของท่านสิครับ
ลองตรวจเช็คดูที่ครีบของคอยล์เย็น ใบพัดลม และแผ่นกรองฝุ่นว่ามีฝุ่นเกาะอยู่มากหรือไม่ สกปรกขนาดไหน ถ้ามีฝุ่นเกาะอยู่มาก ให้ทำความสะอาดเองในส่วนที่สามารถจัดการได้ ท่านสามารถดึงเอาแผ่นกรองฝุ่นมาทำความสะอาด บ่อยๆ อย่างน้อยเดือนละครั้งครับ อีกด้านหนึ่ง ท่านลองตรวจตรวจดูด้วยนะครับว่า มีการวางสิ่งของใดๆ ขวางทางเดินของอากาศ ทั้งทางเข้าออกของคอยล์เย็นและคอยล์ร้อน ที่อยู่ด้านนอกด้วยหรือไม่ ถ้าพบให้นำออก เพราะนั่นเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการเหงื่อตก เพราะความเย็นตกนี้ด้วยเหมือนกันครับ
2. อาการ "ร้อน..เพราะน้ำแข็ง"
อย่าเพิ่งแปลกใจนะครับว่าทำไมถึง "ร้อนเพราะน้ำแข็ง" ได้ ผมหมายถึงว่า ถ้าท่านร้อน เพราะลมที่เป่าออกมาจากแอร์นั้นน้อยผิดปกตินั่นอาจเป็นเพราะคอยล์เย็นเป็นน้ำแข็งก็ได้ครับ
สาเหตุเกิดจาก การที่มีฝุ่นละอองติดอยู่กับแผ่นกรองฝุ่น หรือคอยล์แอร์สกปรก ทำให้ลมและความเย็นที่ถูกเป่าออกมาไม่กระจายสู่ภายในห้องได้ แต่กลับถูกขังอยู่ภายในตัวแอร์ ทำให้แอร์เย็นจัดจนเป็นน้ำแข็ง ในขณะที่อุณหภูมิในห้องกลับร้อน วิธีการแก้ไขคือ ทำความสะอาดแผ่นกรองฝุ่น หรือเรียกช่างเข้าบริการ ทำความสะอาด แอร์ห่วยได้เลยครับ แต่หากท่านล้างแล้ว ภายในตัวคอยล์ยังเกิดการเป็นน้ำแข็งเกาะอยู่อีก อาจมีอีกสาเหตุคือน้ำยาในระบบไม่พอ ท่านจึงควรเรียกช่างมาทำการตรวจเช็คแอร์ได้เลยครับ
3. อาการ "คอยล์เย็นร้องไห้"
ถ้าท่านพบว่า "คอยล์เย็น" ที่อยู่ภายในห้องของท่านมีน้ำหยดตึ๋ง..ตึ๋ง หรือมีอาการร้องไห้ ไม่ต้องตกใจและร้องไห้ตามนะครับ เพราะตามปกติ เครื่องปรับอากาศจะมีการกลั่นตัวของน้ำที่คอยล์เย็นและจะมีถาดรองรับน้ำไหลออกอยู่แล้วครับ เพียงแต่ว่า ถ้าน้ำนั้นไหลย้อนกลับเข้ามาภายในตัว คอยล์เย็น เราก็สามารถตรวจเช็คเองได้อย่างง่ายๆ ดังนี้
- ตรวจเช็คปลายท่อว่ามีสิ่งอุดตันหรือไม่ หากมีให้เอาออกและทำความสะอาด
- ท่อระบายน้ำมีการแอ่นตัวหรือไม่ ท่านสามารถจัดให้ตรงและลาดเอียงลงได้
- ท่อแตกหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น อาจต้องพึงพาช่างบริการแล้วครับ
แต่หากตรวจไม่พบ ก็ คงต้องเรียกช่างบริการเพื่อหาจุดรั่ว อีกกรณีคือ หากแอร์ห่วยของท่านไม่มีน้ำทิ้งออกมาเลย ในบางกรณีก็ไม่แปลก เนื่องจากน้ำ อาจจะระเหยแห้งไปก่อนหมดแล้ว
4. อาการ "อารมณ์ร้อน...เพราะลมไม่เย็น"
ถ้าท่านพบว่า ลมที่เป่าออกมาจากเครื่องปรับอากาศไม่เย็นเลย หรือเย็นน้อยกว่าเดิมอย่างผิดปกติมาก ให้ท่านเดินออกไปดูส่วนที่เรียกว่า "คอยล์ร้อน" ที่อยู่ด้านนอกบ้านหรือว่าอาคารว่า พัดลมที่คอนเดนเซอร์หรือคอยล์ร้อนนั้นทำงานหรือไม่
ถ้าพบว่าพัดลมไม่ทำงาน นั่นอาจเป็นเพราะว่า ท่านตั้งอุณหภูมิภายในไว้สูงเกินไป ลองตรวจสอบและปรับตั้งอุณหภูมิให้ต่ำลงมา อย่างไรก็ตาม ถ้าพัดลมยังคงไม่ทำงานอยู่ ให้เรียกช่างมาตรวจสอบระบบไฟฟ้า และแก้ไขได้เลยครับ
ในกรณีที่พัดลมที่คอนเดนเซอร์หรือคอยล์ร้อนทำงานแกติดี แต่ลมที่เป่าออกมาจากเครื่องไม่มีความเย็น ให้ท่านปิดเครื่องปรับอากาศทันทีแล้วเรียกท่านมาตรวจสอบว่า น้ำยาทำความเย็นรั่วหรือไม่ จะได้แก้ไขรอยรั่วและเติมสารทำความเย็นใหม่
อย่าลืมนะครับว่า รีบปิดเครื่องปรับอากาศทันที ถ้าสงสัยว่าน้ำยาทำความเย็นรั่ว เพราะถ้ายังเปิดทำงานอยู่ ขณะที่ไม่มีน้ำยา มอเตอร์คอมเพรสเซอร์อาจไหม้ได้ เพราะไม่มีน้ำยาทำความเย็นมาช่วยระบายความร้อนให้คอมเพรสเซอร์ ซึ่งอาจทำให้ท่านเสียเงินมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัวได้ ถ้าต้องเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ด้วย
5. อาการ "กลุ้มใจ...ปลายเดือน"
อาการนี้ ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการทำงานของแอร์ห่วยโดยตรงหรอกครับ แต่เป็นเพราะปัจจัยต่างๆ ที่มีผล ทำให้แอร์ห่วยใช้ไฟมากขึ้นกว่าเก่า และใช้เงินในกระเป๋าของท่านมากเกินความจำเป็น ซึ่งบางข้อเป็นปัจจัยตามธรรมชาติ และบางข้อก็ป้องกันได้ง่ายๆ วิธีการ ปฎิบัติ ลองทำตามวิธีด้านบนดูนะครับ วิธีประหยัดค่าแอร์บ้าน แอร์ห่วยได้ครับ

Tuesday, September 9, 2014

หลักการแก้ไขเบื้องต้นหากเครื่องซักผ้ามีปัญหา

โดยปกติแล้ว งานบ้านหลักอย่างการซักผ้านั้น เราก็น่าจะทำกันอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เครื่องซักผ้ามีปัญหา เกิดขัดข้องกันได้บ้าง ซึ่งหากเราสามารถดูแลเครื่องซักผ้าสุดรักของเรา ได้เองเล็กๆ น้อยๆ ก็ถือเป็นเรื่องดีใช่มั้ยล่ะครับ? ในบทความนี้ จะบอกถึงวิธีตรวจสอบเครื่องซักผ้าเบื้องต้น เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องซักผ้าตนเอง และแนวทางการดูแลเบื้องต้นครับ

1. ปลั๊กเสียบแน่นดีหรือเปล่านะ
บางครั้งการที่เครื่องซักผ้าอยู่ดีๆ ก็ดับไปซะงั้น อาจเกิดจากปัญหาง่ายๆ เช่น ปลั๊กหลุด เพราะฉะนั้น ลองตรวจสอบปลั๊กไฟ ขยับมันสักหน่อย มันก็อาจกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมแล้วครับ

2. ฟิวส์และเบรกเกอร์ยังอยู่ดีหรือเปล่า
อันนี้เป็นส่วนสำคัญครับ เพราะหลายๆ ครั้งที่เครื่องซักผ้ามีปัญหา เกิดการดับก็เกิดจากสาเหตุนี้เอง เพราะฉะนั้น เราจึงต้องเช็คว่าฟิวส์และเบรกเกอร์ผิดปกติหรือเปล่า หากเกิดอาการผิดปกติ เราก็สามารถหาซื้อฟิวส์และเบรกเกอร์ตามร้านค้า แล้วนำมาเปลี่ยนใหม่ได้

3. เช็คกระแสไฟฟ้าภายในบ้าน
เครื่องซักผ้าต้องทำงานด้วยกระแสไฟฟ้า หากไม่มีไฟเข้าซะแล้ว เครื่องซักผ้าก็มีปัญหาไม่สามารถทำงานได้ตามต้องการ ดังนั้น กระแสไฟภายในบ้านจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องตรวจสอบให้เรียบร้อยว่าไฟในเต้าเสียบบริเวณนั้นปกติหรือไม่ ถ้าไม่ปกติ ก็ต้องเรียกช่างผู้ชำนาญมาเดินสายไฟใหม่นะครับ

4. จะลงมือซ่อมเอง ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนนะครับ
หากเพื่อนๆ ทราบแล้วว่าเครื่องซักผ้ามีปัญหาอะไร และประเมินว่าเราสามารถซ่อมเองได้จริงๆ เราขอแนะนำให้เพื่อนๆ เช็คกระแสไฟซะก่อนว่าได้ตัดไฟฟ้า หรือมีกระแสไฟฟ้าหลงเหลืออยู่ในเครื่องหรือเปล่าเป็นขั้นแรก ไม่เช่นนั้นแล้ว ระหว่างที่เพื่อนๆ กำลังซ่อมอยู่ อาจโดนไฟฟ้าช็อตเอาได้ง่ายๆ ครับ

5. ยากเกินไป เรียกช่างดีกว่านะครับ
หากเราได้พยายามหาสาเหตุตามวิธีข้างต้นทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ยังไม่พบว่าปัญหาเกิดขึ้นเพราะอะไร คราวนี้ เห็นทีต้องเรียกช่างเป็นดีที่สุดครับ ถ้าสำหรับคุณผู้ชายก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียฟอร์มหรอกครับที่เราซ่อมเองไม่ได้ เพราะถ้าซ่อมไปก็อาจจะทำให้ปัญหายิ่งใหญ่ขึ้น หรืออาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้นะครับ 

สุดท้ายนี้ ก็หวังว่าวิธีที่เราได้นำเสนอ จะช่วยแก้ปัญหาเครื่องซักผ้ามีปัญหาของเพื่อนๆ กันได้ไม่มากก็น้อยนะครับ เพราะเรื่องบางอย่าง เราก็อาจจะมองข้ามไปได้เหมือนกันครับ

Wednesday, September 3, 2014

แก้ปัญหาตู้เย็นไม่เย็น ต้องทำยังไง ใครรู้บ้าง

ตู้เย็นเป็นเครื่องครัวที่มีความสำคัญมากถึงมากที่สุด เพราะช่วยรักษาความเย็น และยืดอายุอาหารให้อยู่ได้นานขึ้น แต่หากวันหนึ่งเริ่มรู้สึกว่าตู้เย็นไม่เย็นขึ้นมาเมื่อไร เราก็คงเริ่มร้อนใจตามไปด้วย แช่อะไรไว้ในตู้เย็นได้ไม่นานก็คงพากันบูดซะหมดแน่ แถมเครื่องดื่มที่แช่ไว้ก็ไม่เย็นชื่นใจอย่างที่ควร ดังนั้นถ้าใครอยากรู้ว่า ตู้เย็นไม่เย็นเกิดจากอะไร  แล้วถ้าตู้เย็นไม่เย็น ทำไงดี วันนี้เรามีวิธีแก้ปัญหาตู้เย็นไม่เย็น มาฝากกันค่ะ

1.    เคลียร์ตู้เย็นให้โล่ง
ขั้นแรกลองเปิดตู้เย็นสำรวจดูสิว่ามีของอะไรอัดกันแน่นอยู่ในนั้นบ้าง เพราะข้าวของที่เต็มตู้จนจะทะลักออกมานี่ล่ะค่ะ เป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ที่ทำให้ตู้เย็นไม่เย็นเอาซะเลย หนำซ้ำยังจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้น เปลืองไฟโดยใช่เหตุอีกต่างหาก รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ารอช้า รีบเคลียร์ของในตู้เย็นให้โล่งขึ้นดีกว่า อะไรที่ใกล้เสีย หรือไม่จำเป็นก็เอาออกไปให้หมด ตู้เย็นจะได้กลับมาเป็นปกติ และดูเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วย เวลาหยิบของจะได้สะดวก

2.    ละลายน้ำแข็ง
ยอมรับมาซะดี ๆ เถอะค่ะ ว่าคุณไม่ค่อยได้ใส่ใจตู้เย็นจนปล่อยให้ในช่องทำน้ำแข็งมีก้อนน้ำแข็งหนาเตอะใช่หรือเปล่า และนั่นเป็นสาเหตุให้ตู้เย็นทำงานได้ไม่สะดวก จนเกิดตู้เย็นไม่เย็นขึ้นมาซะดื้อ ๆ เมื่อรู้แล้วว่าสาเหตุตู้เย็นไม่เย็นอาจเกิดจากก้อนน้ำแข็ง คงจะดีกว่าถ้าจะกดละลายน้ำแข็งบ้าง เพื่อลดภาระให้ตู้เย็นไม่ต้องทำงานหนักเท่าที่ควร ประหยัดทั้งไฟ และทำให้ตู้เย็นทำความเย็นได้ดีขึ้นด้วย

3.    ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม
ถ้ารู้สึกว่าทำไม ตู้เย็นไม่เย็น ทั้ง ๆ ที่ก็เคลียร์ของและลายน้ำแข็งเรียบร้อยแล้ว ก็ลองเช็คที่ตัวปรับอุณหภูมิในตู้เย็นดู เพระไม่แน่ว่าบางทีเราอาจจะเผลอเอามือไปปัดโดนตอนควานหาของในตู้เย็นก็เป็นได้ แนะนำให้ปรับระดับความเย็นให้อยู่ในช่วงกึ่งกลางของระดับที่ตู้เย็นมีให้ บางครั้งเราอาจจะมองข้ามเรื่องนี้ไปก็ได้นะ

4.    เปลี่ยนยางขอบประตูตู้เย็น
ถ้าทุกสาเหตุที่ว่ามายังไม่ใช่คำตอบของปัญหาตู้เย็นไม่เย็น ทีนี้คงต้องมาสังเกตขอบประตูตู้เย็นกันแล้วล่ะ ว่ายังมีสภาพการใช้งานได้ตามปกติหรือเปล่า หรือเริ่มเสื่อมและปิดไม่ค่อยแน่น ซึ่งหากพบว่ายางขอบประตูตู้เย็นเสื่อม ก็ต้องรีบซื้อมาเปลี่ยนโดยด่วนเลยค่ะ ซึ่งก็สามารถหาซื้อยางอันใหม่มาเปลี่ยนเองได้ง่าย ๆ ราคาก็ประมาณ 400 บาทเท่านั้น

5.    เปลี่ยนพัดลมระบายอากาศ
ตัวการหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาตู้เย็นไม่เย็น ก็คือพัดลมระบายอากาศ ที่เป็นตัวระบายความร้อน และส่งความเย็นให้กระจายไปรอบ ๆ ตู้เย็น ซึ่งถ้าหากขัดข้องก็จะทำให้ตู้เย็นทำงานได้ไม่เป็นปกติ ทำให้ตู้เย็นไม่เย็นได้ ดังนั้นถ้าหากสงสัย ให้คุณลองทดสอบพัดลมระบายอากาศของตู้เย็นที่อยู่ด้านหลังช่องแช่แข็ง ด้วยการกดละลายน้ำแข็งก่อน เพื่อกำจัดน้ำแข็งที่เกาะอยู่ที่ใบพัด แต่ถ้าละลายน้ำแข็งแล้วใบพัดยังไม่หมุน ก็คงต้องหาพัดลมระบายอากาศมาเปลี่ยนแล้วล่ะ อย่าลืมดูรุ่นของพัดลมให้ถูกต้องด้วย เมื่อได้มาแล้วก็จัดการเปลี่ยนได้เลยค่ะ โดยถอดปลั๊กตู้เย็นออก หรือสับสวิตช์ไฟได้ยิ่งดี แล้วถอดพัดลมอันเก่าออก จากนำพัดลมอันใหม่มาใส่แทน เสร็จแล้วก็เสียบปลั๊กตู้เย็นดูสิว่าทำงานปกติหรือไม่
6.    ตั้งตู้เย็นบนพื้นเรียบเสมอกัน
การตั้งตู้เย็นบนพื้นที่ไม่เสมอกันดูเหมือนจะเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่เชื่อไหมคะว่าสามารถเป็นสาเหตุตู้เย็นไม่เย็นได้เช่นกัน เนื่องจากหากตู้เย็นวางบนพื้นที่ไม่เรียบ ประตูตู้เย็นก็มีโอกาสจะปิดไม่สนิทจนทำให้ความเย็นระเหยออกมาจนตู้เย็นไม่เย็นได้ ดังนั้นลองสำรวจพื้นด้านล่างดูสักหน่อยก็ดี ว่าตู้เย็นตั้งอยู่บนพื้นที่เรียบเสมอกันอยู่หรือเปล่า ถ้าตู้เย็นเอียง จะได้ขยับหรือปรับไปวางในที่ที่เหมาะสมได้ทัน

7.    เรียกช่างดีกว่า
หากปัจจัยแวดล้อมที่กล่าวมาทั้งหมดก็ยังไม่ใช่ และไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าตู้เย็นไม่เย็นเพราะอะไรกันแน่ คราวนี้คงต้องลงลึกไปถึงกลไกเครื่องยนต์ของตู้เย็นกันแล้วล่ะ หากพบว่ามีความผิดปกติ เช่น คอมเพรสเซอร์ที่อยู่ในกล่องกลม ๆ ด้านล่างของตู้เย็นส่งเสียงดัง พัดลมระบายอากาศด้านหลังตู้เย็นมีเสียงแปลก ๆ หรือการทำงานของตู้เย็นดังผิดปกติ ให้รีบเรียกช่างมาดูอาการ เพราะอาจมีชิ้นส่วนใดในตู้เย็นชำรุด จนตู้เย็นไม่สามารถทำความเย็นได้เป็นปกตินั่นเอง ส่วนค่าซ่อมตู้เย็นไม่เย็นก็ขึ้นอยู่กับว่าอะไหล่ชิ้นไหนชำรุด ทางที่ดีลองสอบถามจากช่างก่อนตัดสินใจใช้บริการดีกว่านะคะ

ถ้าตู้เย็นของคุณมีปัญหา ตู้เย็นไม่เย็น ก็ลองสำรวจความเสียหายตามที่กล่าวมาทั้งหมดดูก่อน หากพบว่ามีอาการตรงกับข้อไหน จะได้รีบจัดการแก้ปัญหาให้ตู้เย็นกลับมาทำความเย็นได้เหมือนเดิม แต่ถ้าแก้ไม่ได้จริง ๆ สงสัยคงต้องใช้ข้อสุดท้าย พึ่งพาช่างผู้เชี่ยวชาญเลยดีกว่า  แต่ถ้าตรวจเช็คเบื้องต้นหาสาเหตุได้เองแล้วแก้ไขเองได้ก็จะได้เป็นการประหยัดเงินด้วย

Wednesday, August 13, 2014

จบปัญหาแอร์ห่วย กับวิธีเลือกแอร์ให้ไม่มีเสียงดัง

เวลาที่คุณหาซื้อแอร์ตัวใหม่ เมื่อต้องการเปลี่ยนแอร์ห่วยๆ หรือแอร์เสียงดังที่บ้านแล้ว คุณเองก็สามารถหาแอร์ที่ทำงานเงียบๆ ได้ในขนาดใดก็ตาม ตั้งแต่ขนาดใหญ่ ไปจนถึงรุ่นติดหน้าต่างและรุ่นพกพาได้ วันนี้เรามีคำแนะนำเพื่อที่จะหาซื้อและติดตั้งแอร์ที่ทำงานเงียบและตรงกับความต้องการของคุณ

ขั้นตอนแรก กำหนดขนาดแอร์ที่คุณต้องการ
หากคุณเพียงที่จะทำความเย็นให้กับห้องนอนเพื่อการนอนหลับที่สบายเท่านั้น แอร์ขนาด 10,000 บีทียูก็เพียงพอแล้ว รุ่นพวกนี้จะมีจำหน่ายเป็นรุ่นติดหน้าต่างและพกพาซึ่งจะนำอากาศร้อนออกไปผ่านท่อพิเศษ เพื่อที่จะทำความเย็นทั่วทั้งบ้าน ให้เลือกแอร์รุ่นแยกชิ้นส่วนได้ที่มีฮาร์ดแวร์ภายนอกและท่อระบายอากาศภายใน รุ่นนี้มีตั้งแต่ขนาด 24,000 บีทียูในการให้พลังงานทำความเย็น

ขั้นตอนที่ 2 ให้เปรียบเทียบ
ให้ถามเพื่อนหรือเพื่อนบ้านที่ใช้แอร์ หรือเข้าเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ และให้มุ่งหาที่การเลือกเครื่องแอร์ที่มีคุณภาพดีที่สุดนั่นก็คือเครื่องที่ทำงานเงียบ ให้ตรวจสอบการผลิตแอร์ภายในร้าน หากมีเสียงดังมากเกินไปในสภาพใดๆก็ตาม มันก็จะส่งเสียงเช่นนั้นเมื่อคุณซื้อและติดตั้งด้วย ถ้าเสียงดังนี่เป็นแอร์ห่วยแน่นอน
ให้พนักงานขายช่วยถอดฝาข้างหน้าแอร์ เพื่อคุณจะได้รู้ว่ามันเป็นชนิดและตัวหุ้มภายในแบบใด ชั้นหุ้มที่หนาจะช่วยให้ตัวคอนเดนเซอร์ทำความเย็นได้ดีขึ้นและในขณะเดียวกันก็ทำให้ทำงานเงียบด้วยเช่นกัน ให้ดูขนาดของช่องที่รับลมด้วย หากช่องรับลมมีขนาดน้อยกว่าครึ่งของฝาแอร์ข้างหน้าจะช่วยให้ลดเสียงจากการที่แอร์ทำงานได้

ขั้นตอนที่ 3 ติดตั้งแอร์ให้เหมาะสมเมื่อคุณซื้อไปที่บ้านแล้ว
ติดตั้งแอร์ติดหน้าต่างให้มั่นคงและวางตำแหน่งให้ถูกต้อง ให้แน่ใจว่าขอบหน้าต่างไม่มีรูรั่วเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเสียงแอร์ที่รบกวนเข้ามา ส่วนแอร์พกพา ให้ตั้งแอร์ให้ห่างจากหน้าต่างหรือลมภายนอกเท่าที่คุณจะทำได้ ให้นำสายท่อพิเศษไว้ที่หน้าต่างที่ใกล้เคียงหรือท่อปล่อยลมเพื่อที่จะไม่ส่งเสียงโครมครามเมื่อเกิดการสั่น และปลายของสายท่อนำต้องวางห่างกันเพื่อที่เลี่ยงการที่สายกระทบกันอันจะทำให้เกิดเป็นแอร์เสียงดังแบบแอร์ห่วยๆ ได้ หากคุณเลือกแอร์แบบแยกชิ้นส่วนแล้ว ให้รับความช่วยเหลือจากช่างมืออาชีพเพื่อที่จะติดตั้งท่อนำและอุปกรณ์และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งคอมเพรสเซอร์และตัวหุ้มคอนเดนเซอร์ในพื้นที่ที่ไม่มีลมและมีร่มบัง เพื่อที่จะกันลมไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้านคุณ

Tuesday, July 22, 2014

สาเหตุที่เครื่องซักผ้าเสียงดัง พร้อมวิธีแก้ไข



เครื่องซักผ้า สิ่งอำนวยความสะดวกที่บ้านทุกหลังล้วนมีไว้ใช้ ช่วยประหยัดแรง ประหยัดเวลาในการซักผ้า  ช่วยให้แม่บ้านทุกคนมีเวลาว่างมากขึ้น ถึงเครื่องซักผ้าจะมีประโยชน์มากมายแต่ก็มีบ้าง ที่เครื่องซักผ้าจะนำปัญหามาให้ ในที่นี้เราจะพูดถึงปัญหาเครื่องซักผ้าเสียงดังขณะทำงาน ปัญหาที่หลายๆบ้านคงเคยประสบพบเจอกัน สร้างความรำคาญใจให้กับคนในบ้าน  ซึ่งปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้กับเครื่องซักผ้าทุกรุ่น  อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
-                     เครื่องซักผ้ามีการใช้งานมาอย่างยาวนาน  อาจจะหมดสภาพการใช้งาน
-                     ลูกยางเปื่อย
-                     ลูกปืนแตก
-                     มีเศษวัสดุเข้าไปติดแกนกลางในการหมุนของเครื่องซักผ้า
วิธีแก้ไขเบื้องต้นขจัดปัญหา เครื่องซักผ้าเสียงดัง
-                     เปิดดูเครื่องทางด้านใน เพื่อหาต้นตอของเสียง
-                     ลองหมุนถังแกนปั่นดูว่าเสียงดังตรงไหน
-                     เช็คอุปกรณ์รอบข้างว่า  ชำรุดหรือเปล่า
-                     ใช้สเปรย์อเนกประสงค์ฉีดไปยังระบบเฟื่องทางด้านล่าง
-                     ส่งซ่อมที่ร้าน พร้อมกับเช็คราคาว่าคุ้มกับการซ่อมหรือซื้อใหม่
หากท่านกำลังประสบปัญหาเครื่องซักผ้าเสียงดังลองตรวจเช็คสาเหตุเบื้องต้นและลองแก้ไขด้วยตัวเองดูก่อน เพื่อเป็นการประหยัดเงิน แต่หากหาสาเหตุไม่พบแล้วจริงๆ ก็ควรยกเครื่องไปซ่อมที่ร้าน หรือไม่ก็ซื้อเครื่องใหม่ดีกว่า เพราะเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ๆ ก็มีการใส่ใจเรื่องเสียงขณะซักมากขึ้น เพื่อให้เครื่องซักผ้าทำงานได้อย่างเงียบ ไร้เสียง ไม่รบกวนผู้อยู่อาศัยในบ้าน