Tuesday, April 29, 2014

แอร์ไม่เย็น แอร์ห่วย อย่าเพิ่งโทษแอร์ ลองตรวจสอบแอร์ก่อน

ปัญหาแอร์ไม่เย็นส่วนใหญ่ เรามักจะโทษว่า แอร์ห่วย และพบว่า "น้ำยาแอร์" จะเป็นจำเลยที่ 1 ก่อนเสมอ ในความเป็นจริงแม้เราจะทราบว่าสาเหตุที่แอร์ไม่เย็นนั้นมีอยู่อีกหลายสิ่งหลายอย่างก็ตาม เป็นการยากที่ผู้ที่ทำธุรกิจทางด้านนี้จะออกมากล่าวเช่นนั้น เพราะอาจถูกเพ่งเล็งว่าพูดเพื่อเข้าข้างตนเองก็อาจพิจารณาได้
ส่วนสาเหตุที่แอร์ห่วย แอร์ไม่เย็นอาจเป็นเช่นนี้
-ใช้ไดเออร์เหมาะสมกับน้ำยาหรือไม่ เช่นสาร HFCs แต่ใช้ไดเออร์ของสาร CFCs หรือลูกผสมมันก็ไม่ Work เพราะขนาดของโมเลกุลมันต่างกัน Molecular Sieve ก็ย่อมต่างกันไงครับ
-ใช้น้ำมัน MO กับสาร HFCs ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่มันไม่รวมกันมันแยกกันไปคนละทิศละทางและมันก็ไม่อาจพาน้ำมันให้ไหลกลับเข้าคอมฯ ในอัตราส่วนที่ควรจะเป็น คอมพ์ก็ร้อน เครื่องก็น็อค แอร์ก็พัง
-ส่วนแผงระบายความร้อน matching กับระบบของน้ำยาหรือไม่ น้ำยาบางชนิดดูดซับความร้อนมาเร็ว แต่ถ้าแผงร้อนระบายไม่ทันมันก็ไม่เย็นหรือน็อคนั่นเอง
-แผงคอยล์เย็น Matching กับระบบของน้ำยาหรือไม่
-คอมเพรสเซอร์เหมาะสมหรือไม่เช่นนำคอมพ์ R22 มาใช้กับ R404a แบบนี้จะไปเหลือหรือครับ
-มีสิ่งสกปรกในระบบหรือในท่ออันเนื่องมาจากการเชื่อมท่อหรือไม่
-ไม่อยาก Flushing ระบบเพราะไม่อยากทำเพราะมันซ้ำซ้อนเสียเวลาหรือหาข้ออ้างนานัปการ
- แฟลร์ขันไม่แน่นทำให้น้ำยารั่วนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ท่านต้องพิจารณา
-วิธีการเติมน้ำยาแอร์ทำถูกต้องหรือไม่ สารทำความเย็นรุ่นใหม่ ๆ เขาให้ถ่ายออกเป็นของเหลว แล้วคอนโทรล Liquid ด้วย Manifold Gauge นั้นเราทำถูกต้องหรือไม่
คราวหน้าถ้าแอร์ไม่เย็น อย่าเพิ่งโทษแอร์ ว่าแอร์อะไรเนี่ย  แอร์ห่วยที่สุดในโลก
ลองมองสิ่งรอบข้างเหล่านี้ดูก่อน คุณอาจพบว่า วิธีแก้ปัญหาแอร์ห่วย ว่าบางทีแอร์ไม่เย็นมันไม่ได้แปลว่าน้ำยาแอร์ที่คุณใช้อยู่ไม่ดีก็เป็นได้ จึงควรตรวจตราให้ดีก่อนฟันธงชัวร์ที่สุดครับ

ที่มาข้อมูล : blueplanet.co.th

Tuesday, April 22, 2014

แก้ก่อนจะสาย ปัญหาแอร์ห่วยที่สุดในโลก ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

ถึงแม้ว่าปัญหาเรื่องแอร์ห่วยมีกลิ่นอับ น้ำหยด จะดูไม่หนักหนามากนักถ้าเทียบกับเรื่องปัญหาแอร์ไม่เย็น แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะคุณจะมานั่งเครียดว่าทำไมแอร์ห่วยที่สุดในโลกเลย ส่งผลต่อสุขภาพจิตและกาย และการใช้ชีวิตในบ้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหากมีแขกมาเยี่ยมเยียนที่บ้าน คงไม่ดีนักที่เราจะต้องมานั่งอุดจมูก นั่งร้อนๆ แล้วคุยกัน ใช่ไหมครับ  มาดูกันว่าเราจะตรวจสอบและแก้ไข้กับปัญหาเหล่านี้อย่างไร
1. แอร์ห่วยๆ อยู่ดีๆ ก็มีน้ำหยด
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับแอร์กันก่อน เนื่องจากแอร์นั้นจะผลิตลมเย็นเพื่อเป่าออกมา ดังนั้น  จึงมีการระเหยของไอเย็นภายใน ทำให้เกิดเป็นน้ำขึ้นมา ซึ่งโดยปกติแล้ว แอร์จะมีน้ำที่เกิดจากการระเหยนี้ไหลออกมาตลอดเวลาอยู่แล้ว ถือเป็นอาการที่ดี ซึ่งแสดงว่าแอร์ของเรามีความชื้นสูง เพราะหน้าที่ของมันคือการดูดซับความชื้นออกจากห้องที่เราอยู่ แต่หากมีน้ำหยดมากจนเกินไป อาจเกิดจากท่อน้ำตันเพราะสิ่งสกปรก
2. แอร์ห่วย ไม่เย็นดั่งใจเราเลย
เมื่อแอร์เย็นไม่ได้ดั่งใจเรา ปัญหาหลักๆ ที่มักพบก็คือ การขาดการเติมน้ำยาแอร์มาเป็นเวลานาน ซึ่งจริงๆ แล้วเราควรเติมน้ำยาแอร์ปีละ 2 ครั้ง และล้างแอร์สม่ำเสมอ แต่ก็อย่าลืมนึกถึงปัจจัยอื่นประกอบด้วย เช่นห้องอาจมีขนาดใหญ่เกินกำลังของเครื่อง อากาศภายนอกห้องร้อนมากๆ คอมเพรสเซอร์ไม่มีกำลังมากพอ หรืออาจเกิดจากมีสิ่งสกปรกมากมายติดอยู่อยู่ภายใน ทำให้แอร์ทำงานไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรไม่เย็นดั่งใจเรา จึงคิดว่าเกิดอาการแอร์ห่วยขึ้นมาอีกแล้ว ยังไงก็ควรตรวจสอบเบื้องต้นก่อนนะ
3. แอร์ห่วย แอร์เสียงดัง น่ารำคาญ
เสียงภายในแอร์นั้น หากเป็นแอร์ที่ผ่านการใช้งานมานาน อาจเกิดจากโครงสร้างที่เสื่อมสภาพ อุปกรณ์ภายในชำรุด หรืออาจมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปติดอยู่ภายใน เช่น แมลงหรือฝุ่นต่างๆ ทางที่ดี เราควรเรียกช่างมาตรวจเช็คสภาพแอร์
4. แอร์ห่วยกินไฟเกินไปหรือเปล่า
หากเราได้ตรวจสอบว่าเดือนไหนที่เราใช้แอร์ แล้วค่าไฟเพิ่มผิดปกติ สาเหตุอาจจะมาจากแอร์ตัวเก่งของเราเองนั่นแหละ หากเราไม่ได้ทำการดูแลรักษามันมาอย่างยาวนานพอสมควร ก็คงถึงเวลาที่จะต้องทำการตรวจเช็คว่า ระบบแอร์ของเรานั้นยังทำงานปกติอยู่หรือเปล่า
5. น้ำแข็งเกาะแอร์
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำแข็งเกาะนั้นก็คือ น้ำยาแอร์มีการรั่วซึมเกิดขึ้น ทำให้ระบบมีน้ำยาแอร์น้อยเกินไป หรืออาจจะเกิดจากมอเตอร์ไม่มีแรงหมุนมากพอ เพราะฉะนั้น ต้องทำการเช็คท่อน้ำยาแอร์ให้ดี
6. เปิดแอร์ปุ๊บไฟดับปั๊บ
เมื่อเข้าบ้านมาแล้วเปิดแอร์ แต่ดันไฟตกทั้งบ้าน คงเพิ่มความหงุดหงิดให้เราไม่น้อย ดังนั้น สิ่งที่เราต้องป้องกันนั่นก็คือ การตรวจเช็คว่าสายไฟชำรุดหรือหลวม กำลังไฟฟ้าไม่พอเนื่องจากเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟหลายตัวในเวลาเดียวกัน หรืออาจเกิดจากคอมเพรสเซอร์เสื่อมก็เป็นได้
และนี่ก็เป็นอาการเบื้องต้น ของปัญหาแอร์ห่วย ที่เราทุกคนสามารถสังเกตเครื่องปรับอากาศของเราได้เองง่ายๆ หากมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น ถ้าเกินความสามารถก็ขอให้โทรเรียกช่างมาซ่อมทันที แก้ก่อนจะสาย ก่อนจะต้องมาเสียเงินซื้อแอร์ใหม่ดีกว่า

Tuesday, April 15, 2014

วิธีแก้ปัญหาแอร์ห่วย แอร์ไม่เย็น ให้กลับมาเย็นชื่นใจดังเดิม

หน้าร้อนแบบนี้ อากาศภายใจมันร้อนได้ใจมาก  เลิกงานอุตส่าห์กลับมาถึงบ้านทั้งที แทนที่จะได้พบกับความเย็นสดชื่นจากแอร์ แต่กลับมีแค่ลมร้อนๆ โชยออกมาจากตัวแอร์ซะอย่างนั้น ทำให้เราโทษแอร์ว่าแอร์ห่วยอย่างนั้น ห่วยอย่างนี้ แล้วเราจะมีการตรวจเช็คและวิธีแก้ปัญหาแอร์ห่วยยังไงมาดูกัน

1. เช็ครีโมทแอร์ก่อนได้เลย
ขั้นแรกควรสังเกตที่รีโมตแอร์ก่อนว่าเรามีการตั้งอุณหภูมิเอาไว้สูง หรือตั้งโหมดการทำงานถูกหรือไม่ เพราะอาจเป็นไปได้ว่ามีคนไปกดรีโมทแอร์แบบไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นการตรวจสอบเบื้องต้นแบบนี้ เพื่อนๆ จะได้ชัวร์และไม่ต้องเสียเวลาในการเรียกช่างแอร์มาตรวจสอบ 

2. เช็คสภาพภายในห้องให้เรียบร้อย
ตั้งระดับอุณหภูมิในห้องสูงเกินไปไหม รวมถึงเช็คสภาพห้องด้วยว่ามีการเปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้จนความเย็นรั่วไหลหรือเปล่า มีการใช้งานอุปกรณ์ที่เป็นแหล่งกำเนิดความร้อนอย่างเตารีดอยู่ในห้องหรือไม่ มีสิ่งของกีดขวางทางลมหรือเปล่า และในห้องมีคนอยู่มากเกินไปมั้ย? ปัจจัยทั้งหมดนี้ต่างก็ส่งผลต่อการสร้างความเย็นภายในห้องได้ทั้งนั้น

แต่ถ้าเราเช็คแล้วว่า การที่แอร์ไม่เย็น ไม่ได้เกิดจากการตั้งรีโมทผิดหรือปัจจัยอื่นๆ ที่ว่ามา ขั้นต่อไป เราก็ควรสังเกตด้วยว่ามีชิ้นส่วนใดของตัวแอร์ที่ไม่ทำงานบ้าง มีน้ำหยด หรือมีน้ำแข็งเกาะหรือเปล่า? หากมีอาการเหล่านี้ควรปิดแอร์ทันที

3. ถ้าแอร์ไม่เย็น แต่คอมเพรสเซอร์ทำงาน ทำยังไง?
หากเราเปิดกรณีอาการแอร์ไม่เย็น แต่คอมเพรสเซอร์ทำงาน โดยทั่วไป มักจะมีสาเหตุมาจาก
แอร์สกปรก ต้องทำการล้างแอร์ด้วยกรรมวิธีที่ถูกต้อง ซึ่งความถี่ในการล้างและตรวจสอบแอร์ที่บ้าน ควรเป็นปีละ 4 ครั้งเป็นอย่างต่ำ
- น้ำยาแอร์ขาด ควรทำการตรวจสอบและการเติมน้ำยาแอร์ปีละ 2 ครั้ง โดยให้ช่างผู้ชำนาญการเป็นคนประเมินว่า ควรเติมน้ำยาเข้าไปที่ตัวแอร์เท่าไหร่

- มีอาการตันของระบบน้ำยาแอร์ ต้องทำการเปลี่ยน Capillary Tube (ตัวฉีดน้ำยา), ตัวกรองความชื้น และระบบเติมน้ำยา เช่นกันครับ หากมีน้ำยาแอร์มีการอุดตัน เราก็จะต้องทำการเปลี่ยนอะไหล่เป็นชื้นใหม่ ซึ่งเราควรทำการตรวจเช็คสภาพแอร์ที่บ้านอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยให้เราทราบได้ทันทีว่า อุปกรณ์ภายในของแอร์ตัวใดเกิดอาการเสื่อมสภาพบ้าง จะได้ซ่อมแอร์เปลี่ยนอะไหล่ได้ทันท่วงที ไม่มีลมร้อนให้เสียอารมณ์นั่นเอง

4. ถ้าแอร์ไม่เย็น และคอมเพรสเซอร์ก็ไม่ทำงาน ทำยังไง?
- สายไฟที่เชื่อมต่อป้อนไฟฟ้าไปที่ตัวแอร์ อาจมีการชำรุด หลุด หรือขาด ซึ่งวิธีแก้ก็คือ เราจะต้องทำการตรวจเช็ค หาจุดที่สายไฟเสียหาย และให้ช่างผู้ชำนาญการเข้ามาเปลี่ยนใหม่
- อะไหล่ส่วนของการควบคุมแอร์ชำรุดเสียหาย โดยปกติแล้วตัวแอร์จะมีชิ้นส่วนอยู่หลายตัว ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการควบคุมแอร์ หากมีการชำรุดแล้วล่ะก็ จำเป็นจะต้องแจ้งให้ช่างเข้ามาเปลี่ยนหรือส่งซ่อมที่ศูนย์บริการของผู้ผลิตเท่านั้น

5. ถ้าแอร์ไม่เย็น แถมยังมีเสียงดังออกมาอีกล่ะ จะต้องทำยังไง?
หากแอร์ไม่เย็นแต่กลับมีเสียงดังออกมาจากตัวเครื่อง แอร์ของเพื่อนๆ อาจจะมีอาการเช่นนี้
แอร์สกปรก แก้ไขด้วยการล้างโดยปั๊มน้ำแรงดันสูงอย่างสม่ำเสมอ 4 ครั้งต่อปี ซึ่งถือเป็นวิธีแก้ปัญหาพื้นฐาน แนะนำให้ช่างแอร์ที่มีประสบการณ์มาทำนะครับ เนื่องจากหากทำการถอดแอร์เพื่อล้างเรียบร้อยแล้ว แต่หากมีการประกอบแอร์หลังจากการล้างแอร์ไม่ดี ก็อาจทำให้เกิดเสียดังรบกวนออกมาได้
- มอเตอร์ของบานสวิงหน้าแอร์เสีย หรือขาบานสวิงหัก ทำให้ลมเย็นจากแอร์ไม่ออกมาอย่างเต็มที่ ก็ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แอร์ไม่เย็นได้ นอกจากนั้นหากมอเตอร์พัดลมเสื่อมสภาพ ใบพัดลมตีกับโครงแอร์ ก็ยิ่งเป็นสาเหตุหลักทำให้แอร์ไม่เย็นและเสียงดังยิ่งกว่าเดิม ควรเรียกช่างผู้ชำนาญการ มาตรวจเช็คหาจุดที่กระทบกันโดยเร่งด่วน

6. แอร์มีน้ำหยดลงมาจากตัวเครื่อง แบบนี้ต้องทำยังไง?
- โดยปกติแล้ว แอร์จะมีน้ำที่เกิดจากการระเหยนี้ไหลออกมาตลอดเวลา ถือเป็นอาการที่ดี ซึ่งแสดงว่าแอร์ของเรามีความชื้นสูง เพราะหน้าที่ของมันคือการดูดซับความชื้นออกจากห้องที่เราอยู่ แต่หากมีน้ำหยดมากจนเกินไป อาจเกิดจากท่อน้ำตันเพราะสิ่งสกปรก ให้แก้ไขด้วยการล้างแอร์ด้วยปั้มแรงดันสูง

ทั้งหมดนี้ ถือเป็นอาการและการแก้ปัญหาเบื้องต้นในกรณีทื่ท่านคิดว่าแอร์ไม่เย็น อย่างไรก็ดีหากเราไม่แน่ใจว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร เราขอแนะนำให้เพื่อนๆ ดำเนินการโทรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาแก้ไข จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาแอร์ห่วยที่จะเกิดขึ้น และแอร์บ้านท่านจะได้กลับมาเย็นชื่นใจดังเดิม