อุตส่าห์กลับมาถึงบ้านทั้งที แทนที่จะได้พบกับความเย็นสดชื่นจากแอร์บ้าน
แต่กลับมีแค่ลมร้อนๆ โชยออกมาจากตัวแอร์ซะอย่างนั้น ทำให้เราโทษแอร์ว่าแอร์ห่วยอย่างนั้น
ห่วยอย่างนี้ แล้วเราจะมีวิธีแก้ปัญหาแอร์ห่วยยังไง
วันนี้เราจะนำความรู้มาแชร์กัน
1. เช็ครีโมทแอร์ก่อนได้เลย
ขั้นแรกควรสังเกตที่รีโมตแอร์ก่อนว่าเรามีการตั้งอุณหภูมิเอาไว้สูง
หรือตั้งโหมดการทำงานถูกหรือไม่ เพราะอาจเป็นไปได้ว่ามีคนไปกดรีโมทแอร์แบบไม่ได้ตั้งใจ
ดังนั้นการตรวจสอบเบื้องต้นแบบนี้ เพื่อนๆ
จะได้ชัวร์และไม่ต้องเสียเวลาในการเรียกช่างแอร์มาตรวจสอบ
2. เช็คสภาพภายในห้องให้เรียบร้อย
ตั้งระดับอุณหภูมิในห้องสูงเกินไปไหม รวมถึงเช็คสภาพห้องด้วยว่ามีการเปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้จนความเย็นรั่วไหลหรือเปล่า
มีการใช้งานอุปกรณ์ที่เป็นแหล่งกำเนิดความร้อนอย่างเตารีดอยู่ในห้องหรือไม่
มีสิ่งของกีดขวางทางลมหรือเปล่า และในห้องมีคนอยู่มากเกินไปมั้ย? ปัจจัยทั้งหมดนี้ต่างก็ส่งผลต่อการสร้างความเย็นภายในห้องได้ทั้งนั้น
แต่ถ้าเราเช็คแล้วว่า
การที่แอร์ไม่เย็น ไม่ได้เกิดจากการตั้งรีโมทผิดหรือปัจจัยอื่นๆ ที่ว่ามา
ขั้นต่อไป เราก็ควรสังเกตด้วยว่ามีชิ้นส่วนใดของตัวแอร์ที่ไม่ทำงานบ้าง มีน้ำหยด
หรือมีน้ำแข็งเกาะหรือเปล่า? หากมีอาการเหล่านี้ควรปิดแอร์ทันที
3. ถ้าแอร์ไม่เย็น แต่คอมเพรสเซอร์ทำงาน
ทำยังไง?
หากเราเปิดกรณีอาการแอร์ไม่เย็น
แต่คอมเพรสเซอร์ทำงาน โดยทั่วไป มักจะมีสาเหตุมาจาก
- แอร์บ้านสกปรก
ต้องทำการล้างทั้งเครื่องแอร์ด้วยกรรมวิธีที่ถูกต้อง ซึ่งความถี่ในการล้างและตรวจสอบแอร์ที่บ้านปี
ควรเป็นปีละ 4 ครั้งเป็นอย่างต่ำ
- น้ำยาแอร์ขาด ควรทำการตรวจสอบและการเติมน้ำยาแอร์ปีละ
2 ครั้ง โดยให้ช่างผู้ชำนาญการเป็นคนประเมินว่า
ควรเติมน้ำยาเข้าไปที่ตัวแอร์เท่าไหร่ (โดยปกติจะใช้น้ำยาแอร์แรงดันประมาณ
70-80 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว)
- มีอาการตันของระบบน้ำยาแอร์
ต้องทำการเปลี่ยน Capillary Tube (ตัวฉีดน้ำยา), ตัวกรองความชื้น และระบบเติมน้ำยา เช่นกันครับ
หากมีน้ำยาแอร์มีการอุดตัน เราก็จะต้องทำการเปลี่ยนอะไหล่เป็นชื้นใหม่
ซึ่งเราควรทำการตรวจเช็คสภาพแอร์ที่บ้านอย่างสม่ำเสมอ
เพราะจะช่วยให้เราทราบได้ทันทีว่า อุปกรณ์ภายในของแอร์ตัวใดเกิดอาการเสื่อมสภาพบ้าง
จะได้เปลี่ยนอะไหล่ได้ทันท่วงที ไม่มีลมร้อนให้เสียอารมณ์นั่นเอง
4. ถ้าแอร์ไม่เย็น
และคอมเพรสเซอร์ก็ไม่ทำงาน ทำยังไง?
- สายไฟที่เชื่อมต่อป้อนไฟฟ้าไปที่ตัวแอร์
อาจมีการชำรุด หลุด หรือขาด ซึ่งวิธีแก้ก็คือ เราจะต้องทำการตรวจเช็ค
หาจุดที่สายไฟเสียหาย และให้ช่างผู้ชำนาญการเข้ามาเปลี่ยนใหม่
- อะไหล่ส่วนของการควบคุมแอร์ชำรุดเสียหาย
โดยปกติแล้วตัวแอร์จะมีชิ้นส่วนอยู่หลายตัว ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการควบคุมแอร์
ไม่ว่าจะเป็นตัวตัดต่อวงจรไฟฟ้า, แคปสตาร์ท
หรือแผงควบคุมหลักของตัวเครื่อง ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้หากมีการชำรุดแล้วล่ะก็
จะเป็นจะต้องแจ้งให้ช่างเข้ามาเปลี่ยนหรือส่งซ่อมที่ศูนย์บริการของผู้ผลิตเท่านั้น
5. ถ้าแอร์ไม่เย็น
แถมยังมีเสียงดังออกมาอีกล่ะ จะต้องทำยังไง?
หากแอร์ไม่เย็นแต่กลับมีเสียงดังออกมาจากตัวเครื่อง
แอร์ของเพื่อนๆ อาจจะมีอาการเช่นนี้ครับ
- แอร์สกปรก แก้ไขด้วยการล้างโดยปั๊มน้ำแรงดันสูงอย่างสม่ำเสมอ 4 ครั้งต่อปี ซึ่งถือเป็นวิธีแก้ปัญหาพื้นฐาน
แนะนำให้ช่างแอร์ที่มีประสบการณ์มาทำนะครับ
เนื่องจากหากทำการถอดแอร์เพื่อล้างเรียบร้อยแล้ว
แต่หากมีการประกอบแอร์หลังจากการล้างไม่ดี ก็อาจทำให้เกิดเสียดังรบกวนออกมาได้
- มอเตอร์ของบานสวิงหน้าแอร์เสีย
หรือขาบานสวิงหัก ทำให้ลมเย็นจากแอร์ไม่ออกมาอย่างเต็มที่
ก็ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แอร์ไม่เย็นได้ นอกจากนั้นหากมอเตอร์พัดลมเสื่อมสภาพ
ใบพัดลมตีกับโครงแอร์ ก็ยิ่งเป็นสาเหตุหลักทำให้แอร์ไม่เย็นและเสียงดังยิ่งกว่าเดิม
ควรเรียกช่างผู้ชำนาญการ มาตรวจเช็คหาจุดที่กระทบกันโดยเร่งด่วน
6. แอร์มีน้ำหยดลงมาจากตัวเครื่อง
แบบนี้ต้องทำยังไง?
- โดยปกติแล้ว แอร์จะมีน้ำที่เกิดจากการระเหยนี้ไหลออกมาตลอดเวลา ถือเป็นอาการที่ดี ซึ่งแสดงว่าแอร์ของเรามีความชื้นสูง
เพราะหน้าที่ของมันคือการดูดซับความชื้นออกจากห้องที่เราอยู่
แต่หากมีน้ำหยดมากจนเกินไป อาจเกิดจากท่อน้ำตันเพราะสิ่งสกปรก ให้แก้ไขด้วยการล้างแอร์ด้วยปั้มแรงดันสูง
ทั้งหมดนี้ ถือเป็นอาการและการแก้ปัญหาเบื้องต้นในกรณีที่แอร์บ้านเราไม่เย็น
อย่างไรก็ดีหากเราไม่แน่ใจว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร เราขอแนะนำให้เพื่อนๆ
ดำเนินการโทรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาแก้ไข จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาแอร์ห่วยที่จะเกิดขึ้น
No comments:
Post a Comment